ในวันอาทิตย์ที่มีแดดอาทิตย์และราษฏร์มีมาก ต้นเหล่ามิ่งมาก อมานเลิญและหล่อมีจินตนาการที่จะไปเล่นตามพื้นที่พิเศษที่ใกล้ๆ ของพวกเขา พวกเขาพากันร่วมกำลังรอยรังกับดอกไม้ของพื้นที่ที่มีชีวิตอยู่ทั่วไป。

เรื่องเริ่มต้นด้วยการเดินทางประสบการณ์แห่งป่ามหาศาล

เช้าวันที่มีแดดออกมายังแสงเมษายิ้ม หนูต๊อก ทอมและเพื่อนๆ ของเขาก็เดินทางไปที่ป่าเพื่อตามหาเพื่อนที่เป็นสัตว์ที่มีในภาพวาดน้ำเงินของพวกเขา。

เด็กๆ ตื่นเต้นตะโกนเดินผ่านทางป่า จนกระทั่งพวกเขาได้ยินเสียง “บิ๊บิ๊บิ๊” ทอมที่อยู่เบื้องหน้าก็ชี้ไปทางที่เสียงดังกล่าวและบอกว่า “น่าจะเป็นตัวหนูในบรรดาหนูที่ร้องได้นี้!” ลิลลี่ก็แตะเอาหน้าสมุดของเธอขึ้น และยืนยันว่า “ใช่แน่นอน มันคือหนูไก่เงิน!”

พวกเขาเดินตามทางที่เสียงดังกล่าวไป และพบหนูไก่เล็กหนึ่งที่ติดอยู่ในเชือกมดมัน ทอมจึงเอามือไปตัดเชือกมดมันออก หนูไก่เงินก็ได้รับรองออกมาและร้องเพลงอย่างดีดิ่นดีดน้อย。

หลังจากนั้น พวกเขายังได้ยินเสียง “กุกกุกกุก” และเดินไปที่หมอกหญ้าหนึ่งและพบหนูไก่เล็กหนึ่งที่กำลังเล่นกับพี่น้องของมัน เด็กๆ ก็เอาหน้าสมุดของพวกเขาออกมาและวาดหนูไก่เล็กๆ ด้วยสีเพื่อที่จะวาดสีขาวหรือสีน้ำเงินให้กับหนูไก่เล็กๆ

ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขายังได้ยินเสียง “วาววาววาว” และเดินไปที่แม่น้ำเล็กและพบสุนัขเล็กหนึ่งที่กำลังเล่นบนเหนือแม่น้ำ สุนัขเห็นเด็กๆ ก็หลุดมาหาเพื่อบอกว่า “สวัสดีครับ!”

เด็กๆ และสุนัขเล่นกันด้วยกัน และเรียกเขาทราบคำศัพท์ใหม่ด้วยภาษาอังกฤษ พวกเขาบอกว่า “examine the canine! he is so adorable!” สุนัขดูเหมือนจะเข้าใจ และหลุดหูอย่างดีดิ่นดีดน้อย

พวกเขาเดินไปที่ป่าและยังได้ยินเสียง “เซ๊ซ๊ซ๊” พวกเขามองขึ้นและพบหนูสัตว์เล็กที่กำลังกระโดดตรงบนต้นไม้ เด็กๆ ก็เอาหน้าสมุดของพวกเขาออกมาและวาดหนูสัตว์เล็กๆ ด้วยรูปที่น่ารัก

ในการเดินทางที่ป่าครั้งนี้ เด็กๆ ไม่เพียงแต่จะเรียนรู้ว่าจะบอกเกี่ยวกับสัตว์ด้วยภาษาอังกฤษ แต่ยังได้รู้ว่าจะช่วยเหลือและอยู่ด้วยสัตว์ด้วยกันด้วย พวกเขากลับบ้านด้วยความยินดีและความได้รับประโยชน์มากมาย

แบบแผน: ประชัยกับเสียงลึกลับ

เมื่อเช้าวันที่มีแสงแดดระลอกใส่อากาศ หนูตูมห์ ที่เป็นหนูเจ้าใจดี ตัดสินใจที่จะไปสำรวจสวนใกล้ที่สุดกับบ้านของเขา。เขาพร้อมกับเพื่อนสนิทของเขา หนูลิลี่ และหนังสือตะละลองเกี่ยวกับสัตว์ป่าสวนในตัวเดียวกัน และยิ้มยิ้มออกเดินทางไปทางหน้าต่างๆ

อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ยินเสียงบางอย่างที่แปลกแกล้ง และเหมือนกับมีบางอย่างหลบหลีบเดินในต้นไม้ ส่งผลให้เสียงบางครั้งระดับต่ำและบางครั้งระดับสูง ทำให้มีความคิดถึงว่ามันเป็นสัตว์ใดๆ หนูตูมห์และหนูลิลี่มองเห็นกันและตัดสินใจตามหาต้นกำเนิดของเสียงนั้น

พวกเขาเดินอย่างระมัดระวังผ่านป่าที่มีต้นไม้หนาแน่น ขณะที่สังเกตสิ่งแวดล้อมและหาข่าวที่ช่วยตามหาสัตว์ที่ส่งเสียงนั้น ไม่นานพวกเขาก็พบสวนเปิดและในสวนมีหนูลิงหนึ่งตั้งอยู่บนพื้น มันดูอย่างไม่มีทางออก

“คุณคือใคร?” หนูลิงกำลังสงสัยและขอให้ช่วย “คุณจะช่วยฉันได้ไหม?”

หนูตูมห์และหนูลิลี่เดินมาในทางของมันและพบว่าหนูลิงมีเท้าบาดแผลและไม่สามารถเดินได้ พวกเขาตัดสินใจช่วยหนูลิงหาครอบครัวของมัน

“ฉันได้ยินบางคนบอกว่ามีบ้านเล็กในมุมสวน บ้านนั้นอยู่กับแมวสีเทาที่ดีนิสัย มันอาจจะช่วยเรา” หนูลิลี่บอก

หนูตูมห์และหนูลิลี่ใช้ตัวช่วยหนูลิงเดินผ่านป่าเล็กน้อย และในที่สุดพวกเขาก็พบบ้านที่มีแมวสีเทาอาศัยอยู่ด้วย

“ไม่ต้องกังวล หนูลิง ฉันจะช่วยเธอรักษาบาดแผลของเท้า” แมวสีเทาบอกด้วยความอ่อนไหว

หลังจากช่วยรักษาเวลาหลายวัน หนูลิงหายไปและแข็งแรงขึ้นด้วยกัน หนูลิงมองให้กับหนูตูมห์และหนูลิลี่และบอก “ขอบคุณครับ หากไม่มีคุณทั้งสองฉันอาจจะไม่ได้หายดีเช่นนี้”

หนูตูมห์และหนูลิลี่ยิ้มและตอบ “ไม่มีอะไรที่จะขอบคุณ พวกเราเป็นเพื่อนกัน ช่วยเหลือกันเป็นสิ่งที่ควรทำ”

และนั้น หนูตูมห์ หนูลิลี่ และหนูลิงก็กลายเป็นเพื่อนกันที่ดีกันมาก พวกเขาก็ได้เล่นเลียนกันในสวนและมีช่วงวันที่สนุกสนานกันมาก

เมื่อเรียกดูบทที่สอง: การหาเจ้าของเสียง

ในบ่ายแล้วที่มีแดดออกแสงมากมาย เด็กๆ ต่างก็รุนแรงตะโกนเต้นเดินตามทางหลวงป่าเล็กๆ ความเสียงลึกลับต่างก็เลวระหว่างหอนในหอนในทางเดินของพวกเขา พวกเขาเร่งประสานเท้าขึ้นเพื่อหาตำแหน่งที่มีเสียงออกมา

พวกเขาผ่านพื้นที่ป่าหนาหนา แสงแดดเข้ามาทางกิ่งไม้เป็นรูปแบบที่สวยงาม จนเกิดเป็นแสงแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็พบแม่น้ำเล็กๆ น้ำไหลท่วมเต็มไปด้วยเสียงกระทุ้ง ที่คล้ายกับเสียงที่พวกเขาได้ยินก่อนหน้านี้

ที่ด้านหน้าหินบริเวณนั้น พวกเขาเห็นหนูโลกที่อยู่นั่งอย่างกลัว มองด้านทั้งหลายเมื่อเห็นเด็กๆ ข้างในใกล้เข้ามา พวกเขาเข้าชมว่าหนูโลกที่ดูเหมือนจะบาดเจ็บ

“หนูโลก คุณบาดเจ็บหรือเปล่า?” ลูกสาวหนึ่งในเด็กๆ ได้บอกโดยมีเสียงเล็กๆ

หนูโลกเห็นเด็กๆ ข้างในใกล้เข้ามาก็ยิ่งเปลี่ยนใจและบอกด้วยเสียงหลายเสียงเล็กๆ “ฉัน…ฉันไม่ได้ตกลงมา ฉันไม่สามารถเดินไปได้เลย”

เด็กๆ ได้ประชุมกันและตัดสินใจที่จะช่วยหนูโลก พวกเขาหาไม้ยาวเพื่อแจกแจงให้หนูโลกจับ หนูโลกจับไม้อย่างหนักด้วยเท้าของตน และเด็กๆ ก็ยกดเพื่อนำหนูโลกมาได้แล้วเรียบร้อย

“ขอบคุณเด็กๆ” หนูโลกมองยอมใจให้เด็กๆ และบอก

“ไม่จำเป็นขอบคุณ เราเป็นเพื่อน” ลูกเด็กหนึ่งยิ้มตอบ

ด้วยการช่วยเหลือของเด็กๆ หนูโลกก็เริ่มรีบบุษย์ขึ้นมาเรื่อยๆ พวกเขาตัดสินใจที่จะร่วมกันเดินต่อเพื่อหาตำแหน่งที่มีเสียงที่เป็นที่ตั้งของเสียงที่พวกเขาได้ยินก่อนหน้านี้

บทที่สาม: ช่วยเหลือจากสัตว์ต่างๆ

ในช่วงบ่ายที่มีแสงแดงอย่างเต็มไปด้วยแสงแดง,หนูโต๊ะทอมและหนูหงอนลิลลี่กำลังเดินทางเสริมสร้างในป่า. พวกเขาได้ยินเสียงที่แปลกไปกับเสียงน้ำตกร้องเพลง และเสียงต้นไม้ที่มีเสียงหลักฐานกัน. พวกเขาตัดสินใจที่จะตามเสียงนี้เพื่อดูว่าจะพบอะไรขึ้น

พวกเขาเดินตามแม่น้ำเป็นเวลานานๆ จนเซ็นหนูหมู่หนึ่งที่มีเสียงกลัวมากขึ้น หนูหมู่หนึ่งบอกด้วยเสียงที่สั่นสะเทือน “คุณจะช่วยฉันได้ไหม? ขาของฉันแตกและฉันไม่สามารถออกจากที่นี้ได้”

โตมและลิลลี่จึงแสดงความยินยอมที่จะช่วย. พวกเขารอดและรักษาหนูหมู่หนึ่งไว้ด้วยความระมัดระวัง และเดินผ่านป่ามาถึงโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่สุด. ที่นั่น แพทย์สัตว์ได้รักษาและใส่แผงกำบังแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้วแก้ว

แห่งที่สี่: การค้นพบลำดับแบบเสียง

ในใต้กำแพงป่าที่ลึกลับ ตุ๊กตาหนูทอมและลิลลี่ได้ฟังเสียงลึกลับนั้น。พวกเขาเดินอย่างเงียบสงบตามแหล่งที่มาของเสียง ผ่านหน้าป่าและตรวจสอบสิ่งแวดล้อมขณะที่พวกเขาค้นหาข้อบ่งชี้。

ทันที พวกเขาพบแม่น้ำเล็กที่ดินน้ำระเบิด และเสียงดังกล่าวดูเหมือนว่ามาจากที่นี่เอง。พวกเขาเดินตามแม่น้ำไม่นาน และในบริเวณข้างกลุ่มหินใหญ่ พวกเขาพบหนูตะกร้าหนึ่ง หนูตะกร้าดังกล่าวมีหางบาดเจ็บและไม่สามารถหวีดหางได้เหมือนหนูตะกร้าอื่นๆ ได้เหมือนกัน。

“ดูเหมือนว่านี่คือหนูตะกร้า!” ทอมตะโกนไปที่หนูตะกร้าที่บาดเจ็บนั้นๆ ลิลลี่เข้าชมหนูตะกร้าและเยียนน้ำตาให้มันหยุดวิตก: “ไม่จำเป็นต้องกลัว พวกเราจะช่วยเหลือเธอ。” พวกเขาตรวจสอบและตรวจสอบแผลของหนูตะกร้า และตัดสินใจที่จะพามันไปหาแพทย์สัตว์。

ขณะกลับมา ทอมและลิลลี่ได้พบสัตว์อื่นในป่า เช่น แมงดามป่า หมาป่า และแกะลาย ซึ่งพวกมันยอมรับการกระทำดีของพวกเขา และบอกว่าเสียงของหนูตะกร้านั้นเป็นสัญญาณเรียกช่วยเหลือ พวกมันยินดีที่จะช่วยด้วย。

“คุณกล้าหาญ!” หมาป่าหนึ่งบอก “คุณไม่เพียงแค่ช่วยหนูตะกร้าออกจากอันตราย แต่ยังเรียกให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการช่วยเหลือผู้อื่นด้วย”

หลังจากพยายามหลายต่อหลายทาง ทอมและลิลลี่ที่ท้าทายตนเองที่จะช่วยหนูตะกร้าออกจากอันตราย หนูตะกร้าเห็นพวกเขาและดูเหมือนว่ากำลังบอก “ขอบคุณคุณ คุณเป็นเพื่อนของฉัน”

การเดินทางผ่านป่าครั้งนี้ทำให้ทอมและลิลลี่ได้รับมากมาย พวกเขาไม่เพียงได้รับเพื่อนสนิทแต่ยังรู้สึกวันดีจากการช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะที่กลับบ้าน พวกเขามีใจติดหน้าเนื่องจากความหลากหลายและตัดสินใจว่าพวกเขาจะยังคงต่อเนื่องที่จะเดินทางผ่านป่าและท้าทายตนเองด้วยสิ่งที่ไม่ทราบก่อน

ห้าตอน: การเสนอสู่การท้าทายที่กล้าหาญ

ในห้าภาคของการออดเวิลด์ของหนูตูมและหนูส้มโล้ง การเดินทางของพวกเขากลายเป็นการที่มีความท้าทายมากขึ้น พวกเขาได้ตามเสียงลึกลับไปยังพื้นที่สวนหญ้าที่กว้างขวาง ที่มีดอกไม้สีสันหลากหลายและนกตัวหนึ่งร้องเพลงอย่างยิ้มยิ่ง

จากนั้น ลมเล็กน้อยเพียงเพียงหนึ่งครั้งพัดผ่าน มันทำให้มีเงาใหญ่หนึ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วบนพื้นสวนหญ้า หนูตูมและหนูส้มโล้งหยุดบนทางของพวกเขา และสังเกตอย่างเตรียมพร้อมต่อสิ่งที่ลึกลับนี้ โดยไม่รู้ว่ามันเป็นหนูเผาพันธุ์ใหญ่หนึ่ง ที่สีของหางของมันเป็นสีสันของกาแล็กซี่ที่เฉลิมเฉล็ด

หนูเผาพันธุ์ใหญ่บินมาข้างหน้าพวกเขา และเล็งละเอียดเล็กน้อยก่อนที่จะเพลินหางอย่างเงียบๆ มันดูเหมือนว่ามันกำลังชี้ให้พวกเขาทำอะไรบ้าง แล้วบินเข้าไปในป่าที่หนาแน่น และดวงแสงแดดที่เข้ามาผ่านรอยรับของต้นไม้ทำให้ป่ามีความลึกลับ

ในดินแดนที่ลึกลับของป่า พวกเขาพบแม่น้ำเล็กที่น้ำของมันมีหินหลากหลายสีเกลือกอยู่บนพื้นน้ำ ข้างแม่น้ำมีต้นไม้โก้งกึ่งหนึ่งที่ด้านของกากมีสัญลักษณ์ที่น่าสนใจหลายต่อหนึ่ง สัญลักษณ์เหล่านี้ดูเหมือนว่ามันกำลังบอกเรื่องราวเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เสื่อมไป

หนูตูมและหนูส้มโล้งเชื่อตามต้นไม้โก้งกึ่งหนึ่ง และพยายามอ่านสัญลักษณ์เหล่านี้ จนเสียงที่มีเสียงลึกลับเกิดขึ้นมาจากกลุ่มไม้ ว่า “สวัสดี ครอบครัวเด็กๆ ฉันคือผู้รักษาป่านี้ คุณจะช่วยฉันหาทรัพย์สินที่สูญเสียไปได้ไหม?” สัญลักษณ์เหล่านี้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานที่มีทรัพย์สินซ่อนไว้ในป่านี้

หนูตูมและหนูส้มโล้งไม่ลังเลที่จะตอบตามขอของผู้รักษาป่า พวกเขาตามคำแนะนำของผู้รักษาป่าเดินผ่านทุกวิกฤตีที่มีในป่า เช่น หน้าแดนที่มีหนามป่า หมิดหน้าและมีมรดก ในกระบวนการนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่เรียนรู้ความกล้าหาญ แต่ยังเรียนรู้ว่าการร่วมมือกันนั้นสำคัญ

ในที่สุด พวกเขาก็หาได้ทรัพย์สินคือฝากที่มีของที่น่าสนใจมากมาย เมื่อเปิดฝาก พวกเขาพบเมฆหินที่มีประกายแสงที่เผยแสงอ่อนๆ ผู้รักษาป่าเห็นแล้วต่างก็ทิ้งใจกับพวกเขาว่า “ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญและความฉลาดของคุณ เมฆหินนี้จะรักษาป่านี้ตลอดไป”

หนูตูมและหนูส้มโล้งกลับบ้านด้วยเมฆหิน พวกเขารู้ว่าการออดเวิลด์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขามีเพื่อนสนิท แต่ยังทำให้พวกเขาเรียนรู้ความสำคัญของความกล้าหาญและการร่วมมือกันด้วยกัน

สิ้นท้าย: และการเติบโต

มันเป็นบรรยากาศที่มีแสงอาทิตย์ระลอกในทางตอนบ่าย หนูตู้มังกรโมห์ และแมวลิลิตั้งใจไปเล่นออกที่สวนสวยน้อยในบริเวณใกล้ๆ พวกเขาหลงตายามหายและอย่างไรตั้งแต่อีกตอนเดียว พวกเขาก็ถึงที่หญุบที่เงียบๆ จริงๆ

อย่างไรนั้นก็เซิร์ดหลังหลังแฟนแฟนเล็กเล็กหนึ่งที่เสียงบริสุทธิ์และเสียงอ่อนๆ และนิมนทางเร็วพวกหนูตู้มังกรโมห์และแมวลิลิจับมือกันขึ้นหูหาตากันเพื่อหาแหล่งของเสียง

แต่งแล้ว พวกเขาเดินเข้าไปในป่าและพบหนูสาวโจรสารดวงที่ถูกบาดเจ็บ และไม่สามารถเรียกเสียงได้ เมื่อหนูสาวโจรสารดวงเห็นเด็กเล็กสองคน ใจของมันทายามว่าด้วยความขอบคุณ

และตามนั้นเห็นชาติมันได้เริ่มตั้งใจที่ช่วยหนูสาวโจรสารดวง พวกเขายกของต้นไม้ลงเพื่อทำร้ายวิถีแก่หนูสาวโจรสารดวง เมื่อหนูสาวโจรสารดวงมองไปด้วยตาที่อ่อนๆ พวกมันบอกด้วยเสียงอ่อนๆว่า “ขอบคุณคุณที่ช่วย คุณดีมาก” หนูตู้มังกรโมห์และแมวลิลิรู้สึกมีความยินดีมาก เพราะพวกเขาช่วยให้ตัวเลี้ยงที่ต้องการช่วยเหลือ

ในการประสบการณ์ครั้งนี้ หนูตู้มังกรโมห์และแมวลิลิเรียนรู้ว่าจะช่วยเหลือผู้อื่น และพวกเขาก็ได้พบเพื่อนใหม่คนหนึ่ง ซึ่งคือหนูสาวโจรสารดวง พวกเขาให้สัญญากันว่าจะมาเยี่ยมและเล่นด้วยกันอีกต่อไป จากนั้น เมื่อคราวพื้นป่ามีความอ่อนตายเพิ่มขึ้นและมีเด็กเล่นดีเพิ่มขึ้นกันด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *